เมื่อตอนต้นซีซั่น ทีมที่ถูกมองว่าอาจเป็นม้ามืดในการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปหนึ่งในนั้นคือ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมจากกรุงลอนดอน ด้วยการเสริมทัพไม่ว่าจะเป็นตัวกุนซือใหม่ชาวชิลีอย่าง มานูเอล เปเยกรินี่ ที่มีดีกรีเคยพาแมนฯ ซิตี้ เป็นแชมป์ลีก พร้อมนักเตะมากมายชนิดว่าแทบจะยกเครื่องใหม่กันเลยทีเดียว แต่ผลงาน 2 แมตช์ที่ออกมามันดันไม่เป็นดังที่หลายฝ่ายคาดการเอาไว้

เกมแรกนัดเปิดสนามยังพอเข้าใจได้ว่าเมื่อต้องมาเจอศึกหนักกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ได้เล่นในถิ่นแอนฟิลด์ทำให้พวกเขายังปรับขบวนอะไรไม่ได้มากก่อนจะแพ้เละเทะไปแบบหมดสภาพ 4-0 หลังเกมไม่ได้มีใครไปบ่นด่าไม่พอใจกุนซือรายนี้มากนัก แต่พอมาเกมที่ 2 ฟอร์มที่แฟนบอลคิดว่าควรจะกลับมาได้แล้วมันยังดันรูดมหาราชแบบกู่ไม่กลับ ทั้งๆที่เล่นในบ้านของตัวเองแต่ดันแพ้ให้กับบอร์นมัธ งานนี้เล่นเอาแฟนบอลหลายคนออกอาการหัวเสียอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่ได้ประตูออกนำไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรก แต่อย่างว่าประตูมันดันมาจากจุดโทษ ไม่ใช่การเข้าทำแบบโอเพ่น เพลย์ เลยยิ่งทำให้แฟนบอลรู้สึกว่า เปเยกรินี่ หมดสภาพแล้วหรือเปล่า

บทแก้ตัวยังมี แต่คงเวลาไม่เยอะมากนัก

เชื่อว่าบอร์ดบริหารของทีมอาจยังให้โอกาสเขาทำทีมอีกสักพัก แต่ถ้าภายใน 3-4 เกมข้างหน้ายังควานหาชัยชนะไม่เจอ คิดว่าไม่น่ารอดกับการโบกมือลาทีมไปได้เลย เพราะดูทรงแล้วตัวนักเตะที่ดึงเข้ามาไม่ได้แย่ คราวนี้มันคงอยู่ที่ตัวกุนซือแล้วว่าเก่งแค่ไหน เข้าใจว่าฝีมือในอดีตของเขาผู้นี้จัดว่าเยี่ยมยอดคนหนึ่งในวงการลูกหนัง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันแปรเปลี่ยนกันได้ อะไรที่เคยคิดว่าเก่งมันก็ย่อมมีวันโรยรา เป็นสัจธรรมของโลกมนุษย์ มันอาจสร้างความผิดหวังให้แฟนบอลเวสต์แฮมมากๆ ในช่วงแรก แต่ถ้าเขานำทีมกลับมาได้ มันก็จะกลายเป็นหนังคนละม้วนเช่นกัน

ต้องรอดูต่อไปว่าเวสต์แฮมจะกลับมาได้เมื่อไหร่ นัดต่อไปที่พวกเขาลงสนามต้องพบกับศึกหนักอีกครั้งกับการไปเยือนถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่ตอนนี้แฟนบอลก็หัวร้อนไม่แพ้กันกับการยังไม่มีแต้ม มันจึงเป็นเกมที่จะบอกได้ว่าเก้าอี้ของกุนซือฝั่งไหนมันจะร้อนกว่าทั้ งอูไน เอเมรี่ และ มานูเอล เปเยกรินี่ เป็นอีกคู่ประจำสัปดาห์ถัดไปที่น่าดูสุดๆ เผลอๆ อาจมีผลต่ออาชีพของเขาทั้งคู่เลยก็ได้